CFD เป็นตราสารที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงในการสูญเสียเงินอย่างรวดเร็วเนื่องจากเลเวอเรจ 76% ของบัญชีนักลงทุนรายย่อยสูญเสียเงินเมื่อทำการซื้อขาย CFD กับผู้ให้บริการนี้ คุณควรพิจารณาว่าคุณเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD และคุณสามารถรับความเสี่ยงสูงจากการสูญเสียเงินได้หรือไม่

ประเภทของคู่เงินใน Forex มีอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันอย่างไร

ประเภทของคู่เงินใน Forex มีอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันอย่างไร

ผู้เริ่มต้น
Feb 20, 2025
เรียนรู้ประเภทของคู่สกุลเงินใน Forex ทั้ง Major, Minor และ Exotic เพื่อเลือกคู่เงินที่เหมาะสมกับกลยุทธ์การเทรดของคุณ

ประเภทของคู่เงินใน Forex มีอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันอย่างไร

 

ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือที่เรียกกันว่า forex (foreign exchange) เป็นหนึ่งในตลาดการเงินที่มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงที่สุดในโลก โดยมีนักลงทุนและสถาบันการเงินเข้ามาทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงินผ่านการซื้อขายเป็นคู่สกุลเงิน (currency pairs)

คู่สกุลเงินในตลาด forex สามารถแบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก ได้แก่ คู่สกุลเงินหลัก (major pairs), คู่สกุลเงินรอง (minor pairs) และคู่สกุลเงินแปลกใหม่ (exotic pairs) แต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะที่ส่งผลต่อสภาพคล่อง ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (spread) และระดับความผันผวน เทรดเดอร์จำเป็นต้องเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้เพื่อเลือกคู่เงินที่เหมาะสมกับกลยุทธ์การลงทุนของตนเอง

 


 

คู่เงินหลัก (major pairs)

forex

 

คู่เงินหลักคือคู่เงินที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดในตลาด forex โดยมีดอลลาร์สหรัฐ (usd) เป็นหนึ่งในสกุลเงินของคู่เงินเสมอ ดอลลาร์สหรัฐถือเป็นสกุลเงินหลักของโลกและเป็นที่ต้องการสูง ทำให้คู่เงินที่เกี่ยวข้องกับ usd มีสภาพคล่องสูงและค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำกว่าคู่เงินประเภทอื่น

ตัวอย่างของคู่เงินหลัก

ได้แก่ eur/usd, usd/jpy, gbp/usd, usd/chf, aud/usd, usd/cad และ nzd/usd

เนื่องจากเป็นคู่เงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุด พฤติกรรมราคามักได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค เช่น นโยบายการเงินของธนาคารกลาง อัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และตัวเลขการจ้างงานของประเทศที่เกี่ยวข้อง คู่เงินหลักเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ เนื่องจากมีต้นทุนการซื้อขายต่ำและความเสี่ยงที่สามารถบริหารจัดการได้ง่าย

 


 

คู่เงินรอง (minor pairs)

forex

 

คู่เงินรอง หรือที่เรียกกันว่า cross pairs คือคู่เงินที่ไม่มีดอลลาร์สหรัฐ (usd) เป็นส่วนประกอบ แต่จะเป็นการจับคู่ระหว่างสกุลเงินหลักอื่น ๆ เช่น ยูโร (eur), ปอนด์อังกฤษ (gbp), เยนญี่ปุ่น (jpy), ดอลลาร์ออสเตรเลีย (aud) และฟรังก์สวิส (chf)

ตัวอย่างของคู่เงินรอง

ได้แก่ eur/gbp, eur/jpy, gbp/jpy, aud/jpy และ eur/aud

ความแตกต่างของคู่เงินรองเมื่อเทียบกับคู่เงินหลักคือ สภาพคล่องที่ต่ำกว่า และค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่สูงขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของคู่เงินรองมักจะสูงกว่า เนื่องจากไม่ได้รับอิทธิพลจาก usd โดยตรง แต่มักเคลื่อนไหวตามปัจจัยเศรษฐกิจของประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย การขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือเหตุการณ์สำคัญในตลาดการเงิน

 


 

คู่เงินแปลกใหม่ (exotic pairs)

 

คู่เงินแปลกใหม่คือคู่เงินที่ประกอบด้วยสกุลเงินหลักจับคู่กับสกุลเงินของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (emerging markets) หรือประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเล็กกว่า คู่เงินประเภทนี้มักมีปริมาณการซื้อขายน้อย ทำให้มีสภาพคล่องต่ำและค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่สูงกว่าคู่เงินหลักและคู่เงินรอง

ตัวอย่างของคู่สกุลเงินแปลกใหม่ ได้แก่ usd/thb, usd/try, eur/sgd, gbp/zar และ usd/mxn

การซื้อขายคู่เงินแปลกใหม่มักมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากราคามีแนวโน้มเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายในประเทศ เช่น ความไม่แน่นอนทางการเมือง อัตราเงินเฟ้อที่ผันผวน การควบคุมค่าเงินของรัฐบาล และการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แม้ว่าคู่เงินแปลกใหม่อาจมีโอกาสทำกำไรสูง แต่ก็ต้องระมัดระวังความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

 


 

กลยุทธ์การเลือกคู่เงินที่เหมาะสมกับเทรดเดอร์

เทรดเดอร์มือใหม่มักเริ่มต้นด้วยคู่เงินหลัก เนื่องจากมีสภาพคล่องสูง ค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำ และราคามีแนวโน้มเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานที่ชัดเจน สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความผันผวนเพิ่มขึ้นและมองหาโอกาสทำกำไรที่มากขึ้น อาจเลือกคู่สกุลเงินรองที่มีการเคลื่อนไหวของราคาแรงกว่า

ส่วนเทรดเดอร์ที่ต้องการผลตอบแทนจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดและสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจเลือกคู่เงินแปลกใหม่ อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ และติดตามเหตุการณ์เศรษฐกิจที่อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาด

 

forex

 

การเลือกคู่เงินที่เหมาะสมกับกลยุทธ์การลงทุนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากตลาด forex การศึกษาแนวโน้มของคู่สกุลเงิน การติดตามข่าวสารเศรษฐกิจ และการบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัย จะช่วยให้การซื้อขาย forex มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในโลกของฟอเร็กซ์ การเลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะสมและเงื่อนไขการเทรดที่เอื้อต่อการทำกำไร เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ ที่ IUX เราให้คุณเข้าถึงคู่สกุลเงินหลากหลายประเภท พร้อมบัญชีที่ออกแบบให้ตรงกับกลยุทธ์ และระบบการเทรดที่เสถียรและแม่นยำ เพื่อให้คุณซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเน้น คู่สกุลเงินหลักที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ คู่สกุลเงินรองที่มีความเคลื่อนไหวสูง หรือคู่สกุลเงินแปลกใหม่ที่มอบโอกาสทำกำไรที่มากขึ้น IUX ช่วยให้คุณเทรดได้อย่างมั่นใจ ด้วยเครื่องมือและระบบที่ออกแบบมาเพื่อเสริมศักยภาพการลงทุนของคุณ อย่าปล่อยให้ข้อจำกัดมาขวางทางความสำเร็จของคุณ สมัครใช้งาน IUX วันนี้และยกระดับการเทรดของคุณไปอีกขั้น

 

 


 

สรุป

การซื้อขายในตลาด forex อาศัยการแลกเปลี่ยนคู่สกุลเงิน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก ได้แก่ คู่สกุลเงินหลัก คู่สกุลเงินรอง และคู่สกุลเงินแปลกใหม่ แต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะที่ส่งผลต่อสภาพคล่อง ค่าธรรมเนียม และความผันผวนของราคา

คู่สกุลเงินหลักเป็นคู่ที่มีการซื้อขายมากที่สุด โดยมีดอลลาร์สหรัฐเป็นหนึ่งในสกุลเงินเสมอ ทำให้มีสภาพคล่องสูงและค่าธรรมเนียมต่ำ คู่สกุลเงินรองไม่มีดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังคงมีการซื้อขายที่ค่อนข้างสูง มักมีความผันผวนมากกว่าคู่เงินหลัก คู่สกุลเงินแปลกใหม่คือการจับคู่สกุลเงินหลักกับสกุลเงินของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่า เนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายน้อยและราคาผันผวนมาก

นักลงทุนควรเลือกคู่เงินที่เหมาะสมกับกลยุทธ์ของตนเอง โดยพิจารณาจากระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ สภาพคล่องของตลาด และปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง การบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเทรด forex อย่างยั่งยืน

 

 Tip: เริ่มต้นเทรดด้วยคู่เงินหลัก (Major Pairs) ก่อน เพราะมีสภาพคล่องสูง ค่าธรรมเนียมต่ำ และข้อมูลวิเคราะห์ในตลาดมาก เหมาะสำหรับฝึกทักษะและจัดการความเสี่ยง

 

💡 คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: คู่เงินหลัก คู่เงินรอง และคู่เงินแปลกใหม่ ต่างกันอย่างไร?

A: คู่เงินหลัก (Major Pairs) มี USD อยู่เสมอ เช่น EUR/USD หรือ USD/JPY สภาพคล่องสูงและค่าธรรมเนียมต่ำ คู่เงินรอง (Minor Pairs) ไม่มี USD แต่เป็นการจับคู่ระหว่างสกุลเงินหลัก เช่น EUR/GBP หรือ GBP/JPY มีความผันผวนสูงกว่า ส่วนคู่เงินแปลกใหม่ (Exotic Pairs) เช่น USD/THB หรือ EUR/SGD คือการจับคู่สกุลเงินหลักกับสกุลเงินจากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ สภาพคล่องต่ำและเสี่ยงสูงกว่า

Q: มือใหม่ควรเริ่มต้นเทรดคู่เงินประเภทใด?

A: มือใหม่ควรเริ่มจากคู่เงินหลัก เนื่องจากมีสภาพคล่องสูง ราคาขึ้นลงตามปัจจัยพื้นฐานที่ค่อนข้างชัดเจน และมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำ เหมาะสำหรับการฝึกวิเคราะห์แนวโน้มและการจัดการความเสี่ยง

Q: การเทรดคู่เงินแปลกใหม่มีข้อควรระวังอะไรบ้าง?

A: คู่เงินแปลกใหม่มักมีค่าธรรมเนียมสูง สภาพคล่องต่ำ และผันผวนแรง ราคาขึ้นลงอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายในประเทศ เช่น การเมือง เงินเฟ้อ หรือการควบคุมค่าเงิน จึงเหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์และสามารถบริหารความเสี่ยงได้ดี

 

 

 

 

 


 

 

 

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน