CFD เป็นตราสารที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงในการสูญเสียเงินอย่างรวดเร็วเนื่องจากเลเวอเรจ 76% ของบัญชีนักลงทุนรายย่อยสูญเสียเงินเมื่อทำการซื้อขาย CFD กับผู้ให้บริการนี้ คุณควรพิจารณาว่าคุณเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD และคุณสามารถรับความเสี่ยงสูงจากการสูญเสียเงินได้หรือไม่

Leverage กับ Margin แตกต่างกันอย่างไร?
ความสัมพันธ์ของ Leverage กับ Margin
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ในตลาดการเงิน การเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง Leverage และ Margin คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ เพราะแม้จะไม่ใช่คำสั่งซื้อขายโดยตรงอย่าง Buy หรือ Sell แต่ถือเป็นองค์ประกอบหลักที่ส่งผลต่อการเปิดออเดอร์โดยตรง การเรียนรู้แนวคิดเหล่านี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Leverage คืออะไร?
Leverage หรือที่เรียกว่า อำนาจในการซื้อ คือเครื่องมือที่โบรกเกอร์มอบให้คุณ เพื่อให้คุณสามารถเปิดสัญญาซื้อขาย (ออเดอร์ Buy หรือ Sell) ที่มีมูลค่าสูงกว่าเงินทุนจริงที่คุณมีในบัญชีได้ กล่าวง่ายๆ คือ เป็นการยืมเงินจากโบรกเกอร์มาใช้ในการเทรดเพื่อเพิ่มขนาดการลงทุนของคุณ
Leverage ทำงานอย่างไร?
เมื่อโบรกเกอร์ให้ Leverage คุณ เช่น อัตรา 1:100 หมายความว่าเงินทุกๆ 1 ดอลลาร์ที่คุณมี คุณสามารถใช้ในการเทรดได้ถึง 100 ดอลลาร์ นี่คือสิ่งที่ทำให้คุณสามารถเปิดออเดอร์ขนาดใหญ่ในตลาดอย่าง Forex หรือทองคำได้ แม้จะมีเงินทุนเริ่มต้นไม่มากนัก
โอกาสและความเสี่ยง:
- โอกาสสร้างกำไร: การใช้ Leverage ช่วยขยายขนาดการเทรด ทำให้คุณมีโอกาสสร้างกำไรได้มากขึ้นจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย
- ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น: อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจคือดาบสองคม การเคลื่อนไหวของราคาที่สวนทางกับที่คุณคาดการณ์ไว้เพียงเล็กน้อย ก็อาจเป็นอุปสรรคต่อการทำกำไรการเทรดได้เช่นกัน
คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Leverage และวิธีการใช้ Leverage อย่างถูกต้องในโลกการเงินได้ที่ :
Leverage คืออะไร? เข้าใจวิธีการใช้ Leverage อย่างถูกต้องในโลกการเงิน
Margin คืออะไร?
Margin คือเงินประกันหรือที่ระบบจะหักไว้จากบัญชีของคุณเมื่อคุณเปิดออเดอร์ซื้อขาย โดย Margin นี้จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากขนาด Lot ที่คุณทำการเทรด เพื่อเป็นหลักประกันให้กับโบรกเกอร์ที่คุณยืมเงินมาใช้ในการเทรดผ่าน Leverage
ทำไม Margin จึงสำคัญในการเปิดออเดอร์?
Margin คือเงินทุนจริงส่วนหนึ่งที่คุณต้องมีในบัญชี เพื่อให้โบรกเกอร์อนุญาตให้คุณใช้ Leverage ได้
ถ้าคุณมี Margin ไม่เพียงพอตามข้อกำหนดของโบรกเกอร์ คุณจะไม่สามารถเปิดออเดอร์ Buy หรือ Sell ได้
ความสัมพันธ์ระหว่าง Margin กับ Leverage
Margin และ Leverage จะมีความสัมพันธ์กันแบบผกผันกัน คือ
- ยิ่ง Leverage สูง คุณจะใช้ Margin น้อยลง ในการเปิดออเดอร์ขนาดเท่าเดิม
- ยิ่ง Leverage ต่ำ คุณจะใช้ Margin มากขึ้น ในการเปิดออเดอร์ขนาดเท่าเดิม
การเกิด Margin Call และแนวทางป้องกัน
หากออเดอร์ของคุณขาดทุนอย่างต่อเนื่อง และเงินทุนในบัญชีของคุณลดลงจนต่ำกว่าระดับ Margin ที่กำหนดไว้ คุณจะได้รับ Margin Call ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนจากโบรกเกอร์ให้คุณเติมเงินเพิ่ม หรือปิดออเดอร์บางส่วน เพื่อป้องกันการถูกบังคับปิดออเดอร์ทั้งหมดโดยอัตโนมัติ (Stop Out) ซึ่งอาจทำให้คุณขาดทุนได้ 1
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้ง Stop Loss เพื่อป้องกันความเสี่ยงได้ที่ ตั้ง Stop Loss / Take Profit อย่างไรให้พอร์ตปลอดภัย
ความสัมพันธ์ของ Leverage/Margin และคำสั่ง Buy/Sell
เมื่อคุณกดคำสั่ง Buy หรือ Sell เพื่อเปิดออเดอร์ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
- คุณใช้ Leverage ที่โบรกเกอร์ให้ เพื่อเปิดสัญญาซื้อขายสินทรพย์ที่มีมูลค่ามากกว่าเงินทุนจริงของคุณ
- ระบบจะทำการหัก Margin (เงินประกัน) ออกจาก Free Margin ของคุณทันที เพื่อเป็นหลักประกันสำหรับการเปิดออเดอร์นั้นๆ
ผลกระทบต่อการเทรด
- ถ้า Leverage สูง Margin ที่ต้องใช้น้อยลง ทำให้คุณสามารถเปิดออเดอร์ขนาดใหญ่ขึ้นได้ด้วยเงินทุนจริงที่จำกัด
- แต่ถ้าไม่ตั้ง Stop Loss อาจทำให้เกิดความความเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินทุนในการเทรดได้
ในโลกของการลงทุน ความเร็วคือโอกาส เพราะราคาที่ดีอาจมีให้แค่เพียงเสี้ยววินาที IUX เราเข้าใจสิ่งนี้ดี จึงออกแบบระบบส่งคำสั่งซื้อขายให้รวดเร็ว แม่นยำ และรองรับทุกคำสั่ง ทั้ง Market, Limit และ Stop Order ซึ่งช่วยให้นักลงทุนควบคุมจังหวะการเข้าออกตลาดได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเทรดทองคำ ดัชนี หุ้น หรือ ETF การเริ่มต้นไม่ใช่เรื่องยาก หากมีแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย มีสเปรดต่ำ เลเวอเรจที่เลือกเองได้ และสินทรัพย์ให้เลือกหลากหลาย
IUX ยังให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ ด้วยสื่อการสอนตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับสูง รวมถึงเครื่องมือวิเคราะห์กราฟทันสมัย ไม่มีค่าธรรมเนียมช่วงไม่มีการใช้งาน และมีทีมซัพพอร์ต 24 ชั่วโมง การสร้างพอร์ตในฝันจึงเริ่มต้นได้จากก้าวเล็ก ๆ ที่มีวินัย และเมื่อคุณมีเครื่องมือที่ใช่ การทำกำไรก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
▶ สมัครเทรดกับ IUXได้แล้ววันนี้ และเริ่มต้นสร้างพอร์ตการลงทุนไปพร้อมกับเรา
วิธีคำนวณ Leverage และ Margin เบื้องต้น
การคำนวณ Margin ที่ต้องใช้ในการเปิดออเดอร์สามารถทำได้ด้วยสูตรพื้นฐาน:
Margin ที่ต้องใช้ = (Lot Size times Contract Size) div Leverage
ตัวอย่าง: หากคุณต้องการเทรดทองคำ (XAUUSD) 1 Lot (Contract Size มาตรฐานคือ 100 ออนซ์) และโบรกเกอร์ของคุณให้ Leverage 1:100 (หรือ 0.01):
การคำนวณ Margin ใช้สูตร (Lot Size × Contract Size × ราคาตลาด) ÷ Leverage เช่น
- หากคุณเปิดออเดอร์ทองคำ 1 Lot (100 ออนซ์) ที่ราคาตลาด 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- ใช้ Leverage 1:100 จะได้ (1x100x3,000) ÷100 = Margin
- ดังนั้น ค่า Margin = 300,000 ÷ 100 = 3,000 ดอลลาร์
- และถ้าเปลี่ยนมาใช้ Leverage อัตรา 1:200 ก็จะใช้ Margin เพียงครึ่งเดียวคือ 1,500 ดอลลาร์
ทั้งนี้ คุณสามารถใช้ Margin Calculator จากบางโบรกเกอร์เพื่อคำนวณได้ง่ายและแม่นยำยิ่งขึ้น 2
FAQ (คำถามที่พบบ่อย)
Q: ใช้ Leverage สูงดีกว่าจริงไหม?
A: ไม่เสมอไป การใช้ Leverage สูงช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มาก แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนเช่นกัน ควรเลือกใช้ Leverage ให้เหมาะสมกับประสบการณ์และกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงของคุณ
Q: ถ้า Margin ไม่พอ จะเกิดอะไรขึ้น?
A: หาก Margin ในบัญชีของคุณไม่เพียงพอสำหรับการเปิดออเดอร์ คุณจะไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ และหากคุณมีออเดอร์ที่เปิดอยู่และ Margin Level ลดลงจนต่ำกว่าระดับที่โบรกเกอร์กำหนด คุณจะได้รับ Margin Call ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกบังคับปิดออเดอร์ (Stop Out)
Q: เลือก Leverage เท่าไหร่เหมาะกับมือใหม่?
A: สำหรับมือใหม่ ควรเริ่มต้นด้วย Leverage ระดับต่ำถึงปานกลาง เช่น 1:50 หรือ 1:100 เพื่อทำความเข้าใจกลไกและบริหารความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น เมื่อมีประสบการณ์และความเข้าใจมากขึ้น จึงค่อยพิจารณาเพิ่ม Leverage อย่างค่อยเป็นค่อยไป
สรุปควรเลือก Leverage เท่าไหร่ และจัดการ Margin อย่างไร
การเทรดด้วย Leverage และการบริหารจัดการ Margin เป็นหัวใจสำคัญของนักลงทุนในตลาดการเงิน เพื่อให้คุณสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน:
- มือใหม่ควรเลือก Leverage ต่ำ-กลาง: เริ่มต้นด้วยอัตรา 1:50 ถึง 1:100 เพื่อลดความเสี่ยง
- ตั้ง Stop Loss ทุกครั้ง: นี่คือเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
- หมั่นตรวจสอบ Margin Level และ Free Margin: ตรวจสอบสถานะบัญชีของคุณเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่ามีเงินทุนเพียงพอและหลีกเลี่ยง Margin Call
- เทรดแบบมีแผนเสมอ: มีการวางแผนกลยุทธ์การเข้า-ออก และการบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจนก่อนทำการเทรด
การทำความเข้าใจพื้นฐานเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง จะช่วยให้คุณสามารถนำ Leverage และ Margin มาใช้เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดของคุณได้อย่างมั่นใจและลดความเสี่ยงในการล้างพอร์ตไปพร้อมกัน
อ่านคู่มือคำศัพท์คำสั่งซื้อขายทั้งหมด (Buy/Sell, Pending Order) เพื่อทำความเข้าใจภาพรวมได้ที่
คู่มือคำศัพท์คำสั่งซื้อขายทั้งหมด
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน