CFD เป็นตราสารที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงในการสูญเสียเงินอย่างรวดเร็วเนื่องจากเลเวอเรจ 76% ของบัญชีนักลงทุนรายย่อยสูญเสียเงินเมื่อทำการซื้อขาย CFD กับผู้ให้บริการนี้ คุณควรพิจารณาว่าคุณเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD และคุณสามารถรับความเสี่ยงสูงจากการสูญเสียเงินได้หรือไม่

Stop Loss / Take Profit คืออะไร? วิธีตั้ง SL/TP เพื่อป้องกันขาดทุนและเก็บกำไร
การตั้ง Stop Loss/Take Profit เพื่อป้องกันการขาดทุนและเก็บผลกำไร
สำหรับนักเทรดมือใหม่ การเทรดในตลาดการเงินไม่ว่าจะเป็นหุ้น, คริปโตฯ, หรือฟอเร็กซ์นั้นมีความผันผวนสูง
การใช้ คำสั่ง Buy/Sell เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการควบคุมความเสี่ยง ดังนั้น การทำความเข้าใจและใช้งานเครื่องมือพื้นฐานอย่าง Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP) ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะถ้าหากราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ การตั้ง SL/TP จะเข้ามาช่วยเป็นเครื่องมือเสริมให้กับคำสั่ง Buy/Sell ของคุณ เพื่อจำกัดการขาดทุนและเก็บผลกำไรอัตโนมัติ ช่วยให้คุณเทรดได้อย่างมั่นใจและมีวินัยมากขึ้น
คำสั่ง SL และ TP คืออะไร?
SL (Stop Loss) คือ คำสั่งหยุดขาดทุน
Stop Loss (SL) คือ คำสั่งที่เรากำหนดไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะส่งคำสั่งซื้อหรือขาย เพื่อจำกัดการขาดทุน หากราคาของสินทรัพย์เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับที่เราคาดการณ์ไว้ พูดง่ายๆ คือ ถ้าเรา Buy (ซื้อ) และราคาเกิดลง คำสั่ง SL จะทำงานเพื่อปิดออเดอร์โดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงจุดที่เราตั้งไว้ เพื่อไม่ให้ขาดทุนมากเกินไป
TP (Take Profit) คือ คำสั่งเก็บกำไรอัตโนมัติ
Take Profit (TP) คือ คำสั่งที่เรากำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อเก็บผลกำไรเมื่อราคาของสินทรัพย์เคลื่อนที่ไปถึงเป้าหมายกำไรที่เราตั้งใจไว้ เช่น หากเราส่งคำสั่ง Sell (ขาย) และราคาลง จนถึงเป้าหมายกำไรที่เราตั้งไว้ คำสั่ง TP จะทำงานเพื่อปิดออเดอร์และเก็บกำไรให้อัตโนมัติ
คำสั่งทั้งสองอย่างนี้ช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเทรดหากสินทรัพย์เคลื่อนที่ไปในทางตรงกันข้ามกับที่คุณคาดการณ์ 1
ทำไมการตั้ง Stop Loss/Take Profit จึงสำคัญ
เหตุผลที่ทำให้การตั้ง Stop Loss และ Take Profit มีความสำคัญอย่างยิ่งในทั้งการซื้อขายสินทรัพย์และการเทรดโดยรวม มีดังนี้
- ช่วยให้คุณตัดสินใจบนพื้นฐานของแผนการเทรดที่วางไว้ แทนที่จะใช้อารมณ์ความกลัวหรือความโลภในการเทรด
- การจำกัดการขาดทุนด้วย SL จะช่วยป้องกันไม่ให้บัญชีของคุณเสียหายอย่างหนักจากความผันผวนของตลาด
- การตั้ง SL/TP เป็นการสร้างวินัยในการเทรด ทำให้คุณยึดมั่นในกลยุทธ์ที่วางไว้ตั้งแต่แรก
อ่านบทความ 10 ข้อผิดพลาดที่นักลงทุนและเทรดเดอร์มือใหม่มักทำ
ในโลกการลงทุน ความเร็วคือโอกาส เพราะราคาที่ดีอาจมีให้แค่เพียงเสี้ยววินาที IUX เข้าใจสิ่งนี้ จึงพัฒนาระบบเทรดให้สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็ว แม่นยำ และไม่มีดีเลย์ ไม่ว่าจะเป็น Market Order, Limit Order หรือ Stop Order ทุกอย่างถูกออกแบบมาเพื่อให้คุณควบคุมจังหวะการลงทุนได้อย่างมั่นใจ
การทำกำไรจากสินทรัพย์ต่างประเทศไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าคุณเริ่มต้นอย่างมีระบบ และเลือกใช้เครื่องมือที่ไว้ใจได้
IUX คือคำตอบสำหรับนักเทรดที่ไม่อยากพลาดจังหวะสำคัญของตลาด
พร้อมเริ่มเทรดอย่างเหนือระดับหรือยัง?
► สมัครใช้ IUX ได้เลยวันนี้ – แพลตฟอร์มที่เร็วกว่าและดีกว่าสำหรับนักลงทุนยุคใหม่
วิธีตั้ง Stop Loss/Take Profit คู่กับคำสั่ง Buy/Sell
คุณสามารถตั้ง Stop Loss/Take Profit ควบคู่ไปกับ คำสั่ง Buy/Sell ได้ง่ายๆ โดยทั่วไปแล้ว แพลตฟอร์มการเทรดเช่น IUX จะมีตัวเลือกให้คุณตั้ง SL/TP ได้ตั้งแต่ตอนที่คุณกำลังจะเปิดออเดอร์ใหม่
- เมื่อคุณเลือก Buy หรือ Sell คุณจะเห็นช่องให้กรอกค่า Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP) ก่อนที่จะกดยืนยันคำสั่ง
- ไม่ว่าคุณจะใช้ Market Order (ซื้อขายทันทีที่ราคาตลาด) หรือ Pending Order (เช่น Buy Limit / Sell Stop) คุณก็สามารถตั้ง SL/TP ไปพร้อมกันได้
- จุดที่คุณตั้ง SL/TP ควรมีความสมเหตุสมผลตามกลยุทธ์การเทรดและกรอบเวลาที่คุณใช้
ดูวิธีตั้ง Pending Order (Buy Limit / Sell Stop) ได้ที่นี่
ตัวอย่างการตั้ง Stop Loss/Take Profit ที่ถูกต้อง
การตั้ง SL/TP ควรอยู่บนพื้นฐานของการวิเคราะห์ ไม่ใช่การสุ่มจุดทำกำไรอย่างที่มือใหม่หลายคนคิด
- กรณี Buy
หากคุณตัดสินใจซื้อสินทรัพย์ (Buy) ควรกำหนด Stop Loss ไว้ต่ำกว่าแนวรับหลักเล็กน้อย เพื่อรองรับความผันผวนระยะสั้น แต่หากราคาหลุดแนวรับไป อาจบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแนวโน้ม และตั้ง Take Profit ใกล้แนวต้านที่คาดว่าราคาจะไปถึง
- กรณี Sell
หากคุณตัดสินใจขายสินทรัพย์ (Sell) ควรตั้ง Stop Loss ไว้ เหนือแนวต้านสำคัญเล็กน้อย และตั้ง Take Profit ใกล้แนวรับ ที่คาดว่าราคาจะลงไปถึง
- ใช้ร่วมกับการวิเคราะห์เทคนิค
การตั้ง SL/TP ที่ดีควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์กราฟ เช่น การหาแนวรับ/แนวต้าน และเทรนด์ของราคา
- ปรับสัดส่วน Risk : Reward
มือใหม่ควรเริ่มจากการตั้งสัดส่วนกำไรต่อความเสี่ยง เช่น 1:2 หมายความว่า หากคุณยอมเสี่ยง 1 หน่วยของการขาดทุน คุณจะตั้งเป้าหมายกำไรที่ 2 หน่วย เช่น หากยอมขาดทุน 100$ ก็ควรตั้งเป้ากำไร 200$ แบบนี้แม้จะเทรดชนะไม่บ่อย แต่ระยะยาวก็ยังทำกำไรรวมได้
อ่านเพิ่มเติม : Leverage และ Margin คืออะไร?
ข้อดีและข้อเสียของ Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP)
ข้อดี:
- จำกัดการขาดทุนที่มากเกินจะรับไหว
- มั่นใจว่าจะเก็บกำไรตามเป้าหมาย โดยไม่ปล่อยให้กำไรหายไป เมื่อราคาเปลี่ยน
- ลดการตัดสินใจเทรดโดยใช้อารมณ์
- ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ 24 ชั่วโมง
ข้อเสีย:
- อาจโดนคำสั่ง SL ก่อนที่จะได้ทำกำไร หากตลาดที่มีความผันผวนสูง ราคาอาจวิ่งไปโดน SL ก่อนที่จะกลับตัวไปในทิศทางที่ถูกต้อง
- หากตั้ง TP แคบไป อาจพลาดกำไรที่มากกว่าเดิมหากราคาเคลื่อนที่ไปไกลกว่าที่คาดการณ์
- ต้องมีการวิเคราะห์และวางแผนจุดเข้า-ออกอย่างรอบคอบ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ SL/TP
Q: มือใหม่ควรตั้ง SL/TP กี่ pip?
A: ยังไม่มีตัวเลขตายตัว ขึ้นอยู่กับความผันผวนของสินทรัพย์, กรอบเวลาที่เทรด และกลยุทธ์ของคุณ ควรเริ่มต้นจากการตั้งตามแนวรับแนวต้านที่เห็นชัดเจนก่อน
Q: ใช้ SL/TP กับ Pending Order ได้ไหม?
A: ได้แน่นอน คุณสามารถตั้ง SL/TP ได้ทั้งกับ Market Order และ Pending Order (เช่น Buy Limit, Sell Stop, Buy Stop, Sell Limit)
Q: จะรู้ได้ไงว่าตั้ง TP ไกลไป?
A: การตั้ง TP ที่ไกลเกินไปมักจะทำให้โอกาสที่ราคาจะไปถึงเป้าหมายน้อยลง ลองดูแนวต้านสำคัญถัดไป หรือใช้เครื่องมืออย่าง Fibonacci เพื่อหาเป้าหมายราคาที่เป็นไปได้ และพิจารณาสัดส่วน Risk:Reward ที่สมเหตุสมผล
สรุปมือใหม่ควรเริ่มตั้ง SL/TP อย่างไร
สำหรับมือใหม่ การเริ่มต้นตั้ง Stop Loss และ Take Profit ควบคู่กับ คำสั่ง Buy/Sell นั้นไม่ยากอย่างที่คิด
- เริ่มจาก Risk:Reward 1:2 : ตั้งเป้าหมายกำไรให้เป็น 2 เท่าของความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้เสมอ
- ตั้งตามแนวรับแนวต้าน: ใช้จุดที่ชัดเจนบนกราฟ เช่น แนวรับและแนวต้าน เป็นจุดอ้างอิงในการตั้ง SL/TP
- ใช้คู่กับคำสั่ง Buy/Sell ทุกครั้ง: สร้างวินัยให้ตัวเองด้วยการตั้ง SL/TP ในทุกๆ ออเดอร์ที่คุณเปิด เพื่อควบคุมความเสี่ยงอยู่เสมอ
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน